วันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2555

[FIC] Fairy Tail :: Let Melt The Ice - Chapter 3 :: คิดถึง




Chapter 3


สุดท้ายเกรย์ก็มาส่งฉันที่อพาร์ทเมนต์ที่ว่านั่นได้สำเร็จ ฉันคุยเรื่องสัญญาเช่ากับเจ้าของที่พัก อยู่พักใหญ่ ส่วนเกรย์ก็ยืนคอยอยู่ห่างๆ เขาไม่ได้จากไปไหน และแน่นอนว่าไม่ได้พูดอะไรอีกเลยหลังจากที่ฉันระเบิดใส่เขา เขาเพียงแต่มองตรงออกไปนอกหน้าต่าง อย่างไร้จุดหมาย

สงสัยจริงๆ ว่า นายคิดอะไรอยู่นะเกรย์

“ขอบคุณมากนะคะคุณป้า” ฉันยิ้มให้ป้าเจ้าของบ้านเช่าก่อนจะลุกเดินไปหาเกรย์




/////////// GRAY //////////////


“อย่าทำเหมือนว่านายห่วงใย ทั้งๆที่นายไม่ได้รู้สึกแบบนั้นแล้วเลยเกรย์ …. ฉันรู้ ว่านายไม่เหมือนเดิมแล้ว”

คำพูดและน้ำตาของยัยนั่น วนเวียนอยู่ในหัวของผมไม่หยุด

ใช่ ... ผมอาจจะไม่เหมือนเดิม ... แต่เธอไม่มีทางเข้าใจหรอกว่าทำไม ....



“ฉันแค่อยากรู้...เพราะเวลามันผ่านมาตั้งเป็นสิบปีแล้ว...ฉันอยากรู้ว่าเกรย์เกลียดฉันน้อยลงบ้างรึยัง ยังอยากผลักไสให้ฉันไปไกลๆอยู่มั้ย”

ผมน่ะเหรอเกลียดยัยนี่ .... คนอย่างผมน่ะเหรอ ....



“เกรย์” เสียงของยัยนั่นดังขึ้น เป็นเหตุให้ผมหลุดออกจากภวังค์

“เรียบร้อยแล้วล่ะ คุณป้าเจ้าของที่เค้าบอกว่าให้ย้ายเข้ามาอยู่ได้เลย เดี๋ยวฉันจะแวะไปเอาข้าวของที่บ้านคุณปู่น่ะ ยังไงก็ขอบคุณนายมากนะที่อุตส่ามาส่ง”



คำพูดที่ห่างเหิน ใบหน้าที่มีเปื้อนยิ้ม แต่จะให้มองสักกี่ทีก็ดูออกว่า มันเป็นรอยยิ้มที่มีแต่ความเศร้า

ไม่รู้ว่า ระหว่าง ผมกับยัยนี่ มีช่องว่างกว้างขนาดนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ .... ความห่างเหินนี่มันคืออะไร ... ทำไมผมถึงไม่ชินกับมันเอาซะเลยนะ

ทั้งๆที่ ... คนที่ต้องการให้เรื่องทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ ...คือผมเองไม่ใช่เหรอ


“เธออยู่นี่แหละ เดี๋ยวฉันไปเอาสัมภาระของเธอที่บ้านมาสเตอร์ให้เอง”

“ไม่ต้องก็ได้ ฉันไปเอาเองได้นะ”


ผมไม่รอให้ยัยนั่นคัดค้านอะไรไปมากกว่านั้น ผมรีบเดินออกมาจากบ้านเช่านั่นแล้วมุ่งหน้าไปยังบ้านของมาสเตอร์ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะเมื่อสมัยเด็กๆผมแทบจะไปกินนอนอยู่ที่นั่นเลยก็ว่าได้

จะเพราะใคร ถ้าไม่ใช่ยัยนั่น.....ยัยเด็กเอาแต่ใจของผม



/////// ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ///////



“เกรย์ ทำไมวันนี้มาช้าล่ะ” เรนะวัย 10 ขวบทำหน้าบูดบึ้งใส่ผม ที่พึ่งก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่นของบ้านมาสเตอร์


หมู่นี้ ผมมาที่นี่บ่อยซะจนเกือบนึกไปว่า ที่นี่เป็นบ้านของตัวเองซะแล้ว


เรนะ วัลไคเรีย คือเด็กที่มาสเตอร์เก็บมาเลี้ยง ครอบครัวเธอตายหมดเพราะสงคราม ส่วนตัวเธอก็ไม่ค่อยแข็งแรงนัก จึงได้แต่อยู่ในบ้าน ไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหน เหมือนเด็กคนอื่นๆ มาสเตอร์ที่ตอนนี้มีศักดิ์เป็นปู่ของเธอ จึงวานให้ผมมาเล่นเป็นเพื่อนเธอที่บ้านของท่านอยู่บ่อยๆ



จะว่าไปนี่ก็ย่างเข้าปีที่3 แล้วล่ะครับ ที่ผมรู้จักกับเธอ



เด็กผู้หญิงคนนี้ทั้งงอแง เอาแต่ใจ และขี้โวยวายที่หนึ่งเลย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรู้สึกว่า น่ารักดี ^^



“ก็แวะเก็บดอกไม้ที่สวนหลังโบสถ์มาฝากเธอน่ะสิ”

ผมยื่นมงกุฎดอกไม้ที่ผมร้อยเองกับมือให้เด็กผู้หญิงจอมเอาแต่ใจตรงหน้า

สาบานได้ว่าเกิดมา 11 ปี ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้ให้ใคร

“ว้าววววววววววว สวยจังเลย” ยัยเรนะทำตาโต แล้วยิ้มแก้มแทบปริ


“ขอบคุณนะเกรย์ รักนายที่สุดเลย” ยัยนั่นโผเข้ากอดผม



ผมปฏิเสธไม่ได้หรอกนะว่าผมชอบให้เธอทำแบบนี้ ชอบให้เธอยิ้มให้ผมแบบนี้ และผมก็แอบหวังว่าเธอจะยิ้มให้ผมแค่คนเดียวด้วย ฮ่าๆ



“หายโกรธที่ฉันมาช้าเลยล่ะสิ” ผมแหย่ พลางสวมมงกุฎดอกไม้ให้เธอ เพราะผมของยัยนี่เป็นสีชมพู เธอเลยเหมาะกับของหวานๆ น่ารักๆที่สุด

“หายโกรธก็ได้ ถ้าวันนี้นายค้างที่นี่” เรนะตาเป็นประกาย

“อีกแล้วเหรอ ฉันยังไม่ได้ขออนุญาติมาสเตอร์เลย”

“ฉันขออนุญาตไว้แล้ว คุณปู่ไม่ว่าอะไรหรอกน่า ฉันอยู่ที่นี่คนเดียว เหงาจะตาย ออกไปไหนก็ไม่ได้ นะเกรย์นะ อยู่เป็นเพื่อนกันหน่อยนะ” ยัยนั่นดึงแขนผม พร้อมกับทำสายตาออดอ้อน

“ก็ได้ๆ นี่ให้ฉันย้ายมาอยู่กับเธอที่นี่เลยดีมั้ยล่ะ” ผมหัวเราะ

“ก็ดีสิ พาเอลจังมาด้วยนะ”

“เธอนี่จริงๆเลยนะ” ผมหัวเราะกับท่าทางตื่นเต้นดีใจของเธอ



/////// กลับมาปัจจุบัน ///////



รอยยิ้ม และใบหน้าที่มีความสุขนั่น ไม่เคยเลือนหายไปจากสมองและหัวใจของผม



ราวกับว่าตอนนั้น เป็นเพียงช่วงเดียวในชีวิต ที่ผมรู้จักวิธีการยิ้มอย่างจริงใจ และรู้จักกับคำว่า ความสุข

เป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกว่าต้องการทำอะไรเพื่อใครสักคน แค่เพียงได้เห็นเธอมีความสุข แค่เพียงรอยยิ้มเล็กๆของเธอ เท่านั้นแหละที่ผมต้องการ



“คิดถึงจังเลยนะ” ผมพึมพำกับตัวเอง พลางมองขึ้นไปบนฟากฟ้าที่ตอนนี้เริ่มมีแสงดาวระยิบระยับผุดขึ้นมา



//////////// LUCY /////////////


“นัทสึ เหนื่อยแล้วอ่ะ พักก่อนได้มั้ยย” ฉันดึงชายเสื้อของคนที่อยู่ข้างหน้า



“เพราะลูซี่อ้วนขึ้นน่ะสิถึงเดินไม่ค่อยจะไหว ไอย์!!!” แฮปปื้ที่เกาะอยู่บนหัวนัทสึหันมาแขวะฉัน



เจ้าแมวบ้า!!! เชอะ



“แฮปปี้ นายว่าชั้นเหรอย๊า คนที่ไม่ได้เดินเองไม่มีสิทธิ์พูดนะ เชอะ” ฉันแยกเขี้ยวใส่แฮปปี้

“นัทสึช่วยเค้าด้วยยย ลูซี่จะกินเค้าแล้ว” แฮปปี้บินฟิ้ววว หนีไป

“เชอะ เชอะ เชอะ ต้องเดินอีกนานมั้ยเนี่ยยะ ทำไมมันไม่ถึงสักที” ฉันโวยวาย



“ลูซี่ ทำไมวันนี้ถึงได้ขี้บ่นนักน้า” นัทสึพูดขึ้น

“ก็ฉันเมื่อยนี่” ฉันบ่นกระปอดกระแปด



“แล้วอย่างนี้...โอเคขึ้นปะ” พูดจบนัทสึก็ช้อนตัวฉันขึ้นไปอุ้ม

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด ทำอะไรน่ะนัทสึ ปล่อยฉันลงเลยนะ” ฉันดิ้นพราดๆอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายตรงหน้า



ให้ตายย !! ทำไมหน้าต้องร้อนผ่าวแบบนี้ด้วย



“จะเอายังไงแน่เนี่ย...เดินเองก็บอกว่าเมื่อย...พอช่วยอุ้มก็บอกว่าให้ปล่อย” นัทสึบ่นอุบ

“ผู้หญิง นี่เอาใจยากจริงๆเลยนะ ไอย์!!” แฮปปี้ช่วยซ้ำ



“ว่าแต่ เธอไม่สบายเหรอหน้าแดงแปร๊ดดเลย” นัทสึก้มลงมองหน้าฉันที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา

“จริงด้วยๆ ลูซี่เป็นไข้งั้นเหรอ” แฮปปี้บินมาลอยอยู่ข้างๆ



“อะ...อะ...เอ่อ ....ฉันไม่เป็นไร ช่างฉันเถอะน่า!!” ฉันรีบเอามือปิดหน้าตัวเอง



ให้ตายเถอะ หัวใจบ้า ทำไมถึงได้เต้นแรงแบบนี้ ..... นัทสึ นี่นายไม่รู้ตัวบ้างเหรอไงกันนะ




////////////Erza /////////////



ฉันเดินมายังสวนสาธารณะที่ประตูทางใต้ของเมือง ที่นี่ไม่ค่อยมีคนมากนัก คงเพราะตอนนี้ย่างเข้าฤดูหนาวแล้ว ทำให้อากาศในแมกโนเลียนั้นเย็นขึ้นมาก คนแถวนี้จึงรีบเข้าบ้านกันแต่หัววัน



ฉันทิ้งตัวลงนั่งใต้ต้นไม้ ซึ่งเป็นที่ประจำของฉันทุกๆครั้งที่มาที่นี่



“ที่นี่ดาวสวยจริงๆ” ฉันมองขึ้นไปบนฟากฟ้า แล้วพึมพำกับตัวเองเบาๆ

ทุกอย่างคงดีกว่านี้ หากฉันกับเขา มีโอกาสได้นั่งดูดาวด้วยกันทุกวัน



ยังไม่ทันที่ฉันจะได้คิดอะไรเรื่อยเปื่อยมากไปกว่านั้น ใครคนนั้นของฉันก็เอาเสื้อคลุมของเขา มาคลุมตัวให้ฉันจากด้านหลัง ก่อนที่จะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆกัีน

“อากาศมันหนาวนะ มานั่งตากลมแบบนี้ ไม่หาอะไรคลุมสักหน่อย” เสียงที่คุ้นเคยเอ่ยขึ้น

“ฉันไม่เป็นไรง่ายๆหรอกน่า แข็งแรงขนาดนี้” ฉันพูดพร้อมกับเผลอยิ้มออกมา

“คร้าบๆ คุณไททาเนียผู้แข็งแกร่ง” คนข้างๆหัวเราะ พลางยิ้มกวนๆให้



“แล้วนึกยังไงถึงแวะมาหากันได้ล่ะ” ฉันหันไปหาคนข้างๆ

“ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ” เขาสบตาฉันนิ่ง

“ก็ไม่เชิงหรอก มันก็เป็นปกติของนายอยู่แล้ว บทจะมาก็มา วันไหนอยากจะไปก็ไป” ฉันพูดน้ำเสียงแฝงแววตัดพ้อ

“น้อยใจเหรอ” เขายิ้มพลางเอามือมาจับปลายผมฉันเล่น

“เปล่าหรอก น้อยใจได้ที่ไหน ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับนายสักหน่อย”

“เหรอออ” เขาลากเสียงยาว

“ก็ใช่น่ะสิ แล้วคู่หมั้นนายเป็นยังไงบ้างล่ะ มาหาฉันแบบนี้ เธอไม่ว่าเอาเหรอ” ฉันแกล้งแหย่ ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าคนตรงหน้าโกหกได้ไม่เนียนขนาดไหน

“ก็....สบายดีหล่ะมั้ง” คนโกหกค่อยๆใช้ปลายนิ้วเชยคางของฉันขึ้น ก่อนจะๆค่อยยื่นหน้าเข้ามาใกล้

“เจราล...จะทำอะไรน่ะ” ด้วยความตกใจฉันใช้มือข้างหนึ่งดันหน้าอกของเค้าไว้เบาๆ

“ใจร้ายจังนะเอลซ่า....ไม่เจอกันเป็นเดือน ไม่คิดถึงฉันบ้างเหรอ”

เจราลมองตาฉันอย่างลึกซึ้ง ราวกับต้องการหาคำตอบที่ฉันพยายามซ่อนไว้ภายใน



ฉันชอบดวงตาของเขา น้ำเสียง และสัมผัส ทุกๆอย่างที่เป็นเจราล...เป็นสิ่งที่ฉันไม่อาจปฏิเสธได้

“ว่าไง..” คนตรงหน้าเร่งเร้าเพื่อเอาคำตอบ

“คิดถึงสิ” ฉันตอบ พร้อมกับรู้สึกว่าอุณหภูมิบนใบหน้าพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว



ไม่มีวันไหนเลยนะเจราล....ที่ฉันจะไม่คิดถึงนาย



เจราลยิ้ม แบบที่ฉันคิดว่า น่ารักที่สุดในโลก ยิ่งเห็นรอยยิ้มของเขา หัวใจฉันก็ยิ่งเต้นแรงขึ้น จนกลัวว่าคนตรงหน้าจะได้ยิน เพราะตอนนี้ร่างกายของเราใกล้ชิดกันมาก



“ก็แบบที่เพื่อนเค้าคิดถึงเพื่อนไง” ฉันรีบกลบเกลื่อน พลางหันหน้าหนี เพื่อหลบสายตาที่ชวนหลงใหลตรงหน้า

“จริงเหรอ” เจราลใช้นิ้วจับคางฉันให้หันมาสบตากลับเขาอีกครั้งอย่างง่ายดาย



“งั้น...ถ้าเพื่อนจะจูบเพื่อน เพราะว่าคิดถึงมากก็ไม่แปลกใช่มั้ย”



ยังไม่ทันที่ฉันจะปฏิเสธหรือว่าคัดค้านอะไร เจราลก็ปิดปากของฉันด้วยริมฝีปากนุ่มๆของเขา มันเป็นจูบที่แสนหวานอย่างที่ฉันไม่เคยรู้สึกมาก่อน ฉันค่อยๆเลื่อนมือขึ้นไปคล้องคอเขา ก่อนที่เจราลจะค่อยๆเพิ่มความร้อนแรงของจูบด้วยการสอดลิ้นเข้ามาหาความหอมหวานในริมฝีปากของฉัน



พระเจ้าคะ ฉันขอหยุดเวลาไว้แค่นี้ได้มั้ย ฉันขอให้โลกนี้เหลือแค่เพียงฉันกับเจราลได้หรืิอเปล่า

ขอให้เรามีแค่กันและกันแบบนี้ตลอดไป

ฉันไม่สนใจเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในอดีตอีกแล้ว ฉันไม่สนใจว่าเขาเคยทำให้ฉันเจ็บปวดแค่ไหน

ที่ฉันรู้ตรงนี้ และตอนนี้ก็คือ ฉันรักเจราล

ช่วยอย่าปล่อยมือฉันไปเป็นครั้งที่สองได้ไหม

โลกที่ไม่มีนาย ... ฉันไม่ชอบเลยจริงๆ

ต่อจากนี้ ให้ฉันได้อยู่เคียงข้างนายได้หรือเปล่า .....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น