Chapter 17
ณ
ที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นศูนย์รวมแห่งความมืดทั้งปวง
พลังเวทย์มนต์มหาศาลวนเวียนอยู่รายรอบ และในที่แห่งนั้น มีชายผู้หนึ่ง
นั่งเหม่อมองไปยังท้องฟ้าสีดำอันไร้ซึ่งดวงดาว
“สุดท้ายก็ตื่นขึ้นแล้วสินะ…..พลังของดราก้อนสเลเยอร์แห่งแสงสว่าง” เขาพูดขึ้น
“จะเอายังไงดีครับ….ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ผมเกรงว่า…” หนึ่งในบริวารที่รายล้อมเขาผู้นั้น เอ่ยถามขึ้น
“ปล่อยไปก่อน….ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา” ชายผู้นั้นตอบพลางนึกย้อนเรื่องราวเมื่อครั้งอดีต
ใบหน้าของหญิงสาวตัวเล็กๆ
ผมสีทอง ปรากฏในมโนจิต
ต่อให้กาลเวลาจะผ่านพ้นไปนานเท่าไร …. ต่อให้มีผู้คนมากมายผ่านเข้ามาในชีวิตเขาเพียงไหน
รอยยิ้มที่สดใส
ดุจดังแสงสว่างของเธอ กลับเป็นเพียงสิ่งเดียว….ที่เขาไม่เคยลืมเลือน
“ไม่อยากจะเชื่อเลย…..สุดท้ายฉันก็ได้พบกับ
ผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากเธอโดยตรง…..เมวิส”
//////////////////////////// Rena ////////////////////////
ในที่สุดทั้งฉันและเกรย์
ก็กลับมาถึงกิลด์จนได้ ...
สภาพของฉันตอนที่ก้าวเท้าเข้ามาในกิลด์ครั้งแรก ทำเอาทุกคนตกอกตกใจกันยกใหญ่
แน่นอนว่า...เกรย์ ก็โดนคาน่าเล่นงานไปตามระเบียบ
สภาพของฉันตอนที่ก้าวเท้าเข้ามาในกิลด์ครั้งแรก ทำเอาทุกคนตกอกตกใจกันยกใหญ่
แน่นอนว่า...เกรย์ ก็โดนคาน่าเล่นงานไปตามระเบียบ
“ทำไม ไม่รู้จักดูแลเรนะให้ดีห๊ะ!! เป็นผู้หญิง
เกิดมีแผลเป็นขึ้นมา จะไปเป็นเจ้าสาวใครได้ยังไงเล่า” เสียงเอ็ดตะโรของคาน่า
ยังคงดังต่อไปไม่ขาดสาย
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” เวนดี้จังเอ่ยขึ้น
“ขอบใจมากนะจ๊ะ เวนดี้” ฉันยิ้มให้เธอ
เวนดี้
มิโกะแห่งท้องนภา เป็นอีกคนที่สืบทอดเวทย์มนต์หายาก
อย่างเวทย์รักษาเหมือนๆกันกับฉัน
เธอคนนี้นี่แหละ
เป็นคนช่วยรักษาแผลตามร่างกายที่ได้จากการต่อสู้กับพวกดาร์กฟ็อกซ์ให้ฉัน
“เวนดี้ ก็รักษายัยนั่นแล้วไง เธอจะโวยวายอะไรมากมายเนี่ยคาน่า” เสียงเกรย์โต้คาน่าก็ดังไม่แพ้กัน
“ใช่จ๊ะคาน่า ฉันไม่เป็นไรแล้วล่ะ ดูสิ!” ฉันยื่นแขนทั้งสองข้างให้คาน่าดู
“แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ.....”
คาน่าทำท่าจะต่อว่าเกรย์ต่อ ...
แต่ว่า เสียงประตูที่ถูกใครสักคนผลักออกก็เรียกความสนใจของพวกเราไป
คาน่าทำท่าจะต่อว่าเกรย์ต่อ ...
แต่ว่า เสียงประตูที่ถูกใครสักคนผลักออกก็เรียกความสนใจของพวกเราไป
“โย่ววว...ลักซัสและหน่วยเทพอัสนีบาตรกลับมาแล้ว!!” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น
“บิ๊กส์โลว์....” ฉันพึมพำกับตัวเอง
ใช่พวกเขาจริงๆด้วย.....หน่วยเทพอัสนีบาตร....บิ๊กส์โลว์
เอเวอร์กรีน ฟรีด....แล้วก็....พี่ลักซัส
พวกเขาทั้งสามคน ค่อยๆก้าวเข้ามาในกิลด์
พวกเขาทั้งสามคน ค่อยๆก้าวเข้ามาในกิลด์
ฉันคงยังไม่ได้บอกทุกคนใช่ไหมคะ....ตอนที่ฉันอยู่ที่นี่
นอกจากเกรย์แล้ว กลุ่มเทพอัสนีบาตรก็คือพวกที่ฉันสนิทที่สุด
นี่มัน...ตั้งกี่ปีแล้วนะ
ที่พวกเราไม่ได้พบกัน.....
ทุกคนสบายดีใช่ไหม.....
ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ทันสังเกตเห็นฉัน...ฟรีดเดินตรงเข้ามาหาเวนดี้ที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากฉัน
ก่อนจะพูดว่า.....
“โทษนะเวนดี้ แต่ช่วยรักษาแขนของลักซัสหน่อยได้ไหม....พอดีไปพลาดท่าเข้าน่ะ”
“ได้สิคะ” เวนดี้รับคำ
ใช่เขาจริงๆด้วย....ฟรีด...นายแทบไม่เปลี่ยนไปจากตอนนั้นเลยนะ
ว่าแต่แขนของพี่ลักซัสบาดเจ็บอย่างนั้นเหรอ....
ฉันมองไปยังร่างสูงใหญ่ของผู้ชายที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ผู้ที่เป็นเหมือนพี่ชายแท้ๆของฉัน
ฉันมองไปยังร่างสูงใหญ่ของผู้ชายที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ผู้ที่เป็นเหมือนพี่ชายแท้ๆของฉัน
แขนขวา....แขนขวาสินะ....ไปทำอะไรมากัน
ทำไมถึงได้แผลหนักขนาดนั้น
“ฟรีด…” ฉันเรียกชื่อของเขาออกมาเบาๆ
ทำให้เจ้าตัวหันหน้ามามองฉัน
ทันทีที่เราสบตากัน...เขาก็ถึงกับอึ้งไป
“เดี๋ยวฉันจะรักษาเอง” ฉันพูดต่อ
พลางเดินไปทางพี่ลักซัส
“ไม่จริง....ธะ...เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
ท่าทางของฟรีด เรียกความสนใจของหน่วยเทพอัสนีบาตรทั้งสอง รวมถึงพี่ชายที่ไม่มีความเกี่ยวพันธ์ทางสายเลือดแต่อย่างใดของฉัน ... พี่ลักซัส
ท่าทางของฟรีด เรียกความสนใจของหน่วยเทพอัสนีบาตรทั้งสอง รวมถึงพี่ชายที่ไม่มีความเกี่ยวพันธ์ทางสายเลือดแต่อย่างใดของฉัน ... พี่ลักซัส
“เรนะ!” พี่ลักซัสเป็นคนแรกที่เรียกชื่อฉัน
ทันทีที่ฉันเดินไปหยุดตรงหน้าเชา
“เรนะ...เธอจริงๆด้วย” เอเวอร์กรีนที่ยืนอยู่ด้านหลังถึงกับน้ำตาไหล
“เบบี้ของฉัน....ช่วยฉันดูที...นั่นใช่เรนะจริงๆใช่มั้ย” บิ๊กส์โลว์ และเหล่าเบบี้ของเขาก็ต่างตกใจ เมื่อได้พบหน้าฉัน
ฉันส่งยิ้มให้กับพวกเขาทุกคน
แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ตั้งตัวอะไรต่อ .... คนตรงหน้าก็ดึงตัวฉันเข้าไปไว้ในอ้อมกอดของเขาทันที
“เธอ...กลับมาหาพี่จริงๆสินะ....เป็นเธอจริงๆสินะ”
พี่ลักซัสค่อยๆคลายอ้อมกอดของเขาออก ก่อนจะมองสำรวจตัวฉันไปทั่ว
พี่ลักซัสค่อยๆคลายอ้อมกอดของเขาออก ก่อนจะมองสำรวจตัวฉันไปทั่ว
“เรนะ....เธอจริงๆด้วย”
น้ำใสๆ ค่อยๆไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองของคนตรงหน้า....
คงจะมีไม่กี่คนหรอก ที่มีโอกาสได้เห็นน้ำตาของผู้ชายคนนี้
น้ำใสๆ ค่อยๆไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองของคนตรงหน้า....
คงจะมีไม่กี่คนหรอก ที่มีโอกาสได้เห็นน้ำตาของผู้ชายคนนี้
“ค่ะ....กลับมาแล้วค่ะ....พี่” ฉันยิ้มให้กับผู้ชายตรงหน้าทั้งน้ำตา
น้ำตาที่ไหลออกมานั้น
... ไม่ใช่น้ำตาแห่งความเศร้าโศก หากแต่เป็นน้ำตาแห่งความปลื้มปีติ
ดีใจจริงๆ.....ที่ได้พบทุกคนอีกครั้ง
/////// ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ///////
“ฮือ ฮือ ฮือ”
“ร้องไห้ทำไมน่ะเรนะ”
“ฮือออออ พี่ลักซัส” ฉันยิ่งร้องไห้หนักขึ้นเมื่อเงยหน้ามาพบคนตรงหน้า
“ใครทำอะไรน้องพี่ ไม่ต้องร้องนะ” พี่ลักซัสดึงฉันเข้าไปกอดปลอบ
“ไม่ต้องร้องนะ อยู่กับพี่แล้ว....ไม่มีใครทำอะไรได้แน่”
ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม
.... อ้อมกอดที่คอยปลอบประโลมของพี่ลักซัส ก็ทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจได้เสมอ
“ค่ะ....เรนะจะไม่ร้อง” ฉันเอามือปาดน้ำตาตัวเอง
“ดีมากคนเก่ง” พี่ลักซัสใช้มือลูบหัวฉัน
“ไหนบอกพี่มาสิ...ใครทำอะไรเธอ” พี่ลักซัสคุกเข่าลง
แล้วมองหน้าฉันที่นั่งอยู่บนม้าหินกลางสวนสาธารณะ
“พวกลูคัส...พวกลูคัส เขาบอกว่าเรนะเป็นลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่
แล้วยังจะเป็นเด็กขี้โรคอีก ฮือออ” พูดจบน้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลออกมาอีก
“ไอ้พวกบ้านั่น!” พี่ลักซัสกัดฟันกรอด
ก่อนจะหันไปบอกพวกพ้องที่อยู่ด้านหลัง
“เอว่า บิ๊กส์โลว์ ฟรีด .... ฝากดูแลเรนะแปปนึงนะ”
“เดี๋ยวพี่กลับมานะ” เขาใช้มือลูบหัวฉันที่หนึ่ง
ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินจากไป
“หึหึ พวกลูคัสเละแน่” เอเวอร์กรีน
หรือที่พวกเราเรียกกันจนติดปากว่า เอว่า หัวเราะ
“ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลย....ไอ้พวกนั้น” ฟรีดพึมพำ
“ชะตาขาดแล้วล่ะ” บิ๊กส์โลว์หัวเราะ
แล้วหลังจากเรื่องในวันนั้นผ่านไปไม่กี่วัน......
“ลักซัส!!!” เสียงคุณปู่เอ็ดตะโรมาแต่ไกล
“นี่แกก่อเรื่องอีกแล้วใช่มั้ย !”
พี่ลักซัสที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากฉัน
ทำหน้าเซ็งๆ ก่อนจะตอบไปว่า
“ก็แค่สั่งสอนพวกปากไม่ดีนิดหน่อย”
“นิดหน่อยบ้าอะไรของแก ... ไอ้เด็กพวกนั้นมันต้องเข้าโรงบาลนอนหยอดน้ำข้าวต้มไปตั้งไม่รู้กี่วัน” คุณปู่ยังคงเสียงดังใส่พี่ลักซัสไม่หยุด
ส่วนพี่ลักซัสก็ทำหูทวนลม
หยิบเฮดโฟนประจำตัวมาครอบหูเอาซะดื้อๆ ....
นี่มันก็คงเป็นอีกเรื่องปกติของบ้านเราสินะ....ภาพที่เห็นจนชินตาพวกนี้
นี่มันก็คงเป็นอีกเรื่องปกติของบ้านเราสินะ....ภาพที่เห็นจนชินตาพวกนี้
ฉันนั่งมองคนทั้งสอง
ซึ่งเป็นเสมือนครอบครัวของฉันที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้
ฉันนึกไม่ออกจริงๆ....โลกที่ไม่มีทั้งคุณปู่
แล้วก็พี่ลักซัสน่ะ
///////////// กลับมาปัจจุบัน ////////////////
หลังจากที่ฉันทักทายพวกพี่ลักซัสพอสมควร
ฉันก็ดึงมือพี่ชายตัวเองมานั่งลงบนโต๊ะที่อยู่ข้างๆ โดยมีหน่วยเทพอัสนีบาตรทั้งสามยืนดูอยู่ไม่ห่าง
“ขอฉันดูแขนพี่หน่อยสิ” ฉันพูดขึ้น
คนตรงหน้าเองก็ยื่นแขนมาให้ฉันอย่างว่าง่าย
“ไปโดนอะไรมาเนี่ย” ฉันพึมพำกับตัวเอง ....
ก็มันเป็นแผลใหญ่น่าดูเลยนี่นา
“....เจ็บมากมั้ยคะ”
“นิดหน่อยน่าเด็กโง่” พี่ลักซัสยื่นมือมาขยี้หัวฉันเล่น
“เดี๋ยวจะไปให้เวนดี้รักษาให้น่ะ” พี่ลักซัสพูดต่อ
“ไม่เป็นไรของแค่นี้....” ฉันยื่นมือออกไปแตะบาดแผลที่แขนของพี่ชายตัวเอง
“HOLY
HEAL!” แสงสีขาวสว่างวาบขึ้น ก่อนที่บาดแผลจะค่อยๆสมานตัว
และจางหายไปในที่สุด
“ธะ....เธอ ทำแบบนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่” ฟรีดอุทานขึ้นทันที
“สุดยอดเลย” เอว่าเองก็อ้าปากค้าง
“เรื่องมันยาวน่ะ แฮ่ๆ” ฉันหัวเราะแหะๆ
“เธอ....เป็นดราก้อนสเลเยอร์งั้นเหรอเรนะ” พี่ลักซัสถามขึ้นฃ
“ฉันสัมผัสได้....พลังเวทย์ที่อยู่ในตัวเธอมันไม่เหมือนเดิม....พลังที่แข็งแกร่งแบบนี้....มีแต่ดราก้อนสเลเยอร์อย่างพวกเราเท่านั้น”
“ฮ่ะๆ ก็อะไรประมาณนั้นแหละค่ะ.....เรื่องมันก็ยาวอีกเหมือนกันนั่นแหละ” ฉันหัวเราะแก้เก้อ
“เล่ามาว่ามันเกิดอะไรขึ้น…”
ท่าทางนิ่งๆของพี่ลักซัส….ทำเอาฉันสะดุ้งโหยง....แถมยังมีสายตากดดันทั้งสามคู่ของพวกหน่วยอัสนีบาตนั่นอีก .....
ท่าทางนิ่งๆของพี่ลักซัส….ทำเอาฉันสะดุ้งโหยง....แถมยังมีสายตากดดันทั้งสามคู่ของพวกหน่วยอัสนีบาตนั่นอีก .....
แง้ T^T ใครก็ได้ช่วยหนูที.....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น